เมื่อเราสูญเสียฟันและปล่อยระยะเวลาผ่านไปนาน กระดูกของเราจะค่อยๆละลายลดลงไปโดยเฉพาะในฟันหน้า ฟันหน้าเป็นตำแหน่งที่ค่อนข้างยาก เพราะนอกจากจะต้องทำให้รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกแล้ว จะต้องทำให้เกิดความสวยงามกลมกลืนกับฟันซี่อื่นๆ และ การที่ฟันจะยึดติดและสวยงามได้จะต้องมีพื้นฐานอยู่บนกระดูกที่ดี
ในกรณีที่ฟันหน้าได้ถูกถอนไปจากอุบัติเหตุหรือจากสาเหตุโรคเหงือกที่จะมีการสูญเสียกระดูกเบ้าฟันค่อนข้างเยอะ โดยทั่วไปกรณีฟันหน้าจะต้องมีการปลูกกระดูกเกือบทุกเคสประมาณ 70-80%
การปลูกกระดูกมี 2 วิธี
1. การนำกระดูกของตัวคนไข้เองมาปลูก ในกรณีที่คนไข้มีการสูญเสียกระดูกไปจำนวนมาก ทันตแพทย์ อาจจะประเมินนำกระดูกของตัวคนไข้เองมาเสริมบริเวณที่จะฝังรากฟันเทียม
ข้อดี เมื่อเป็นกระดูกของเราเองโอกาสที่จะยึดติดจะมีค่อนข้างสูง
แต่ข้อเสีย คือ กระดูกจะละลายง่ายและเจ็บกว่าเพราะจะต้องผ่าตัดสองตำแหน่ง คือตำแหน่งที่จะนำกระดูกมาใช้ กับที่จะนำไปเสริมในตำแหน่งที่เราต้องการฝังรากฟันเทียม
วิธีนี้จะเหมาะกับคนไข้ที่ฟันหายไปจำนวนหลายซี่ หรือ สูญเสียฟันเป็นเวลานาน ทำให้กระดูกละลายไปเยอะ
2. การใช้กระดูกเทียมมาปลูก วิธีนี้จะเป็นวิธีที่นิยมใช้กัน คือการนำวิธีที่นำกระดูกสังเคราะห์มาปลูกบริเวณที่เราต้องการฝังรากฟันเทียม ข้อดี คือ ไม่ต้องผ่าตัดหลายตำแหน่ง
ผลสำเร็จของการปลูกกระดูก
ปริมาณที่ปลูกกระดูกจะไม่สำเร็จ 100% ต้องใช้ระยะเวลาในการรอกระดูกยึด2-4เดือน เมื่อถึงเวลา อาจจะเหลือกระดูกที่ยึดเพียง40-60% แต่โดยปกติคุณหมอจะใส่เกินจำนวนหรือพิจารณาตามบุคคล
อาการหลังจากปลูกกระดูกเทียม
ไม่ว่าจะเป็นการปลูกกระดูกของตัวคนไข้เองหรือกระดูกเทียมจะมีอาการปวดและค่อนข้างบวมมากกว่าจะมีการฟื้นฟูของแผลที่นานกว่า การฝังฟันเทียมแบบปกติ
ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จ
1. หลังจากปลูกกระดูกคนไข้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์
2.งดสูบบุหรี่
3.ร่างกายการเสริมสร้างของแต่ละบุคคล
เมื่อเราสูญเสียฟันและปล่อยระยะเวลาผ่านไปนาน กระดูกของเราจะค่อยๆละลายลดลงไป แต่ถ้าเกิดเราได้รับการวางแผนการรักษาและฝังรากฟันเทียมในช่วงเวลาที่เหมาะสม เราจะสามารถลดโอกาศในการปลูกกระดูกได้ ลดการบาดเจ็บในการปลูกกระดูก ลดค่าใช้จ่าย สามารถใส่ฟันได้ระยะรวดเร็วขึ้น