การจัดฟันเป็นสาขาวิชาหนึ่งของทันตแพทย์ ซึ่งมีความเฉพาะในเรื่องการวินิจฉัย ป้องกัน และ รักษาฟันที่เรียงตัวไม่ปกติและปัญหาเกี่ยวกับขากรรไกรซึ่งมีผลทำให้ความผิดปกติของการสบฟัน รวมถึงโครงสร้างขากรรไกรและใบหน้า

เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับการจัดฟัน

การจัดฟันคืออะไร?

การจัดฟัน (Orthodontics)
การจัดฟันเป็นสาขาวิชาหนึ่งของทันตแพทย์ ซึ่งมีความเฉพาะในเรื่องการวินิจฉัย ป้องกัน และ รักษาฟันที่เรียงตัวไม่ปกติและปัญหาเกี่ยวกับขากรรไกร  ซึ่งมีผลทำให้ความผิดปกติของการสบฟัน รวมถึงโครงสร้างขากรรไกรและใบหน้า
ทันตแพทย์เฉพาะทางสาขาจัดฟันจะต้องจบการศึกษาในสาขานี้จึงจะสามารถให้การรักษาได้ การจัดฟันต้องได้รับการรักษาโดยทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน เพื่อออกแบบ วางแผนการรักษา เลือกใช้เครื่องมือ และวิธีการจัดฟันที่เหมาะกับปัญหาของผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อให้ฟัน และ ขากรรไกร ให้มีการเรียงตัวที่เหมาะสม ให้เกิดความสมดุลของการใช้งานและอวัยวะบนใบหน้า

จัดฟันมีกี่แบบ?

1)การจัดฟันโดยการใช้เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น คือ การจัดฟันด้วยการติดเครื่องมือ (Brackets) ลงบนผิวฟัน ให้คงอยู่ตลอดระยะเวลาการรักษา  ซึ่งทันตแพทย์จะถอดเครื่องมือดังกล่างออก หลังการรักษาสิ้นสุด

2)การจัดฟันโดยการใช้เครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้ คือการจัดฟันด้วยเครื่องมือที่ผู้ป่วยสามารถถอดใส่ได้ด้วยตัวเองเหมาะสำหรับผู้ที่มีความผิดปกติของฟัน และโครงสร้างใบหน้าและขากรรไกรเล็กน้อยถึงปานกลาง รวมถึงเครื่องมือคงสภาพฟัน(retainer) หลังการจัดฟัน เพื่อให้มีการเรียงตัวที่เหมาะสม โดยต้องใส่เครื่องมือตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด

การจัดฟันโดยใช้เครื่องมือชนิดพิเศษ

  • จัดฟันด้วยระบบดามอน
  • จัดฟันแบบติดแน่นด้วยเครื่องมือสีเหมือนฟัน
  • จัดฟันแบบใส INVISALIGN
  • จัดฟันด้านใน
  • จัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร
  •  จัดฟันร่วมกับการใช้หลักยึดชั่วคราว

การจัดฟันแบบแบร็กเก็ต

หรือการจัดฟันแบบลวดเหล็กธรรมดา เป็นการใช้เครื่องมือจัดฟันโลหะติดไว้ที่ผิวฟันด้านหน้าแล้วจึงร้อยลวดเหล็กผ่านร่องของเครื่องมือ (Braces)

จากนั้นก็ใช้ยางสี ๆ รัดตัวเครื่องมือจัดฟันให้ติดกับลวดจัดฟันอีกครั้ง อุปกรณ์ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ฟันเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมตามที่ทันตแพทย์ต้องการ

ข้อดี
✔️ ราคาถูกที่สุด
✔️ สามารถเปลี่ยนสียางจัดฟันได้ตามต้องการ

ข้อเสีย
❌ ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการให้เห็นเครื่องมือจัดฟันในช่องปาก
❌ ดูแลความสะอาดยาก
❌ มีปัญหาในการพูด และการเคี้ยวอาหาร
❌ เจ็บกว่าวิธีอื่น เนื่องจากการใช้ลวดเหล็กยึดติดกับยางรัดฟันทำให้มีแรงดึงฟันมาก
❌ อาจต้องถอนฟันหลายซี่ เพราะการใช้เครื่องมือจัดฟันในการเคลื่อนฟันต้องอาศัยพื้นที่
❌ ต้องไปพบทันตแพทย์บ่อยๆ
.
ระยะเวลา: 2-5 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพฟัน
ราคา: ประมาณ 45,000-60,000 บาท
เหมาะกับใคร: เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย แต่ต้องให้ทันตแพทย์เป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสมด้วย

การจัดฟันแบบดามอน


เป็นการจัดฟันที่ไม่ต้องใส่ยางรัดฟัน ซึ่งจะทำให้การเคลื่อนที่ของตำแหน่งฟันทำได้เร็วขึ้น และใช้แรงในการดึงฟันที่ค่อนข้างน้อย จึงทำให้ผู้เข้ารับบริการไม่รู้สึกเจ็บปวดมากเวลามาเปลี่ยนเครื่องมือจัดฟัน
.
ข้อดี
✔️ ใช้เวลาจัดฟันน้อยกว่า เพราะการเคลื่อนที่ของฟันจะเกิดขึ้นได้เร็ว
✔️ เจ็บน้อยกว่า เพราะใช้แรงในการดึงฟันน้อย
✔️ ไม่จำเป็นต้องถอนฟันในระหว่างจัดฟันด้วย
✔️ ดูแลความสะอาดได้ง่าย
✔️ ไม่ต้องมาพบทันตแพทย์ทุกเดือน
.
ข้อเสีย
❌ ราคาค่อนข้างสูง
❌ เครื่องมือจัดฟันเกิดหินปูนได้ง่าย จึงต้องดูแลความสะอาดมากกว่าปกติ
❌ ต้องให้ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทำให้ เนื่องจากเครื่องมือมีความซับซ้อน
.
ระยะเวลา: 1-3 ปี หรืออาจนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพฟัน
ราคา: ประมาณ 70,000-90,000 บาท
เหมาะกับใคร: ผู้ที่ไม่มีเวลามาพบทันตแพทย์บ่อย ๆ และไม่ต้องการถอนฟัน

การจัดฟันแบบ Invisalign

เรียกอีกชื่อว่า “การจัดฟันแบบใส” เป็นการจัดฟันโดยใช้เครื่องมือที่เป็นแผ่นวัสดุใส ๆ บาง ๆ มาใส่ครอบฟันเพื่อปรับโครงสร้าง ตำแหน่ง และการเรียงตัวของฟัน แทนการใส่เหล็กจัดฟัน ซึ่งเครื่องมือนี้เราสามารถถอดและใส่เองได้อย่างง่าย
.
โดยผู้เข้ารับบริการจะต้องมีการสแกนฟันและเอกซเรย์กระดูกเสียก่อน เพื่อสร้างเครื่องมือที่จำเพาะต่อรูปฟันของผู้เข้ารับบริการแต่ละราย
.
ข้อดี
✔️ ดูสวยงามกว่าการจัดฟันทั่วไป
✔️ ทำความสะอาดช่องปากได้ง่าย เพียงถอดเครื่องมือและแปรงฟันตามปกติ
✔️ ไม่ต้องกังวลเรื่องเศษอาหารติดกับเครื่องมือจัดฟัน
✔️ ไม่ส่งผลต่อการออกเสียงพูด
✔️ เครื่องมือจัดฟันสามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดได้ง่าย
.
ข้อเสีย
❌ ราคาสูงกว่าการจัดฟันแบบอื่น หากฟันมีการซ้อนเกมาก ก็จะต้องใช้เครื่องมือหลายชิ้น
.
ระยะเวลา: 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพฟัน
ราคา: ประมาณ 70,000-170,000 บาท
เหมาะกับใคร: ผู้ที่ไม่ต้องการใส่เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น หรือไม่อยากให้ผู้อื่นเห็นว่าจัดฟันอยู่

การรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน ผู้ป่วยต้องได้รับการตรวจวินิจฉัย ถ่ายภาพรังสีที่จำเป็น ถ่ายภาพใบหน้า พิมพ์ปากเพื่อทำโมเดลฟันทั้งก่อนและหลังการรักษาเสร็จสิ้น

การแก้ปัญหาฟันหน้าเก อาจทำได้โดยการอุดฟัน หรือทำครอบฟัน ซึ่งสามารถปรับรูปร่างของฟันได้ในระดับหนึ่งอย่างไรก็ตาม บางกรณีที่มีปัญหาช่องว่างระหว่างฟัน อาจไม่สามารถปิดช่องว่างทั้งหมดได้ด้วยการจัดฟันแต่เพียงอย่างเดียว อาจจำเป็นต้องอาศัยการรักษาด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย เช่น การใส่ครอบฟัน,วีเนียร์,สะพานฟัน หรือการฝังรากเทียม ทันตแพทย์จะพยายามรักษาโดยเปลี่ยนแปลงสภาพตามธรรมชาติของฟันให้น้อยที่สุด โดยหลีกเลี่ยงการถอนฟันซึ่งจะทำในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น

7 ลักษณะที่ควรจัดฟัน

 

  1. ฟันบนยื่น ออกมาข้างหน้ามาก บางคนไม่สามารถปิดริมฝีปากได้สนิท มีฟันหน้าลอดออกมา ทำให้เสียบุคลิกภาพ เสี่ยงที่ฟันหน้าจะบิ่นหรือหักจากอุบัติเหตุ
  2. ฟันล่างยื่น คล้ายๆกับฟันบนยื่น แต่จะเป็นฟันล่างยื่นออกมาล้ำหน้าฟันบนมากจนเกินไป ทำให้โครงสร้างรูปหน้าที่คางจะยื่นมากกว่าปกติ ทำให้รับประทานอาหารลำบาก พูดคุยไม่ชัด และอาจะเกิดความเจ็บปวดเรื้อรังของขากรรไกรได้
  3. ฟันซ้อน ฟันเรียงไม่เป็นระเบียบ อาจซ้อนกันทั้งข้างนอกและข้างใน เป็นที่สะสมของเศษอาหาร ทำความสะอาดยาก มีกลิ่นปาก เสี่ยงที่จะเป็นโรคเหงือกอักเสบ และอาจจะเกิดฟันผุตามมาได้
  4. ฟันล่างซี่เดียวหรือหลายซี่ สบคร่อมทับฟันบน ในเด็กหากทิ้งไว้ไม่รักษา ขากรรไกรอาจมีขนาดผิดปกติ ทำให้เกิดลักษณะใบหน้าเว้า หน้าเบี้ยว และอาจทำให้เกิดความผิดปกติที่ข้อต่อขากรรไกรได้ หากลูกหลานมีฟันสบคร่อม ควรรีบพามาปรึกษาทันตแพทย์จัดฟันตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อรักษาได้ทันที
  5. ลักษณะฟันหน้าทั้งด้านบนและด้านล่างไม่ประกบชิดกัน ฉะนั้นเวลาหุบปากจะมีช่องว่างเกิดขึ้นเนื่องจากฟันสบกันไม่ดี ซึ่่งที่พบได้บ่อยก็คือ ปัญหาการกัดอาหารด้วยฟันหน้าไม่สะดวก
  6. ฟันกัดเบี้ยว จุดศูนย์กลางของฟันบนไม่ตรงกับฟันล่าง ส่งผลต่อการบดเคี้ยวอาหารทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพมากพอ หรือออกเสียงพูดไม่ชัดเจน สามารถปรึกษาทันตแพทย์เพื่อขอทราบแนวทางการรักษาเบื้องต้น
  7. ฟันห่าง เกิดช่องว่างระหว่างฟันที่หลุดหรือฟันที่ขึ้นไม่เต็ม หากปล่อยให้เป็นรูโหว่หรือฟันหลออยู่แบบนี้นาน จะทำให้ฟันซี่ข้างๆ โน้มเอียงเข้าไปหาช่องว่างนั้นมากขึ้น 

7 วิธีดูแลสุขภาพฟันระหว่างจัดฟัน

✔️ 1. แปรงฟันหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง เนื่องจากหลังรับประทานอาหารจะมีเศษอาหารเข้าไปติดตามซอกฟัน และอุปกรณ์จัดฟัน

✔️ 2. แปรงฟัน และ แปรงซอกฟัน อย่างถูกวิธี

✔️ 3. ใช้ไหมขัดฟัน และ แปรงซอกฟัน ทำความสะอาดฟัน วันละ 1-2 ครั้ง

✔️ 4. ใช้แปรงสีฟันสำหรับจัดฟันโดยเฉพาะ

✔️ 5. หลีกเลี่ยงการเคี้ยว กัด ของแข็ง

✔️ 6. หลีกเลี่ยงอาหาร และ ขนมบางชนิด

✔️ 7. พบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จของการรักษา

1.ความร่วมมือของผู้ป่วย มีผลอย่างยิ่งต่อผลสำเร็จ มีผลอย่างยิ่งต่อผลสำเร็จของการจัดฟัน โดยเฉพาะในรายที่มีความยุ่งยากซับซ้อน หากผู้ป่วยไม่ให้ความร่วมมือที่ดีพอจะมีผลให้ระยะเวลาการรักษานานขึ้น และมีผลต่อผลการรักษาที่จะได้รับ

2.การดูแลเครื่องมือจัดฟัน หากแปรงฟันไม่สะอาดพอ จะเกิดฟันผุในระหว่างที่ใส่เครื่องมือจัดฟัน ดังนั้น ควรดูแลความสะอาดในช่องปากให้ดี ลดการรับประทานอาหารหวานและเหนียว เมื่อสังเกตเห็นว่าเครื่องมือหลวมให้รีบมาพบทันตแพทย์จัดฟันทันที

3.ในกรณีที่ต้องใส่ Headgear & elastic ช่วงเวลาที่ใส่เครื่องมือเหล่านี้มีผลอย่างยิ่งต่อผลการรักษา การใส่เครื่องมือต้องทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หาก Head gear หลุดออกจาก Tube หรือ Archwire hook ขณะที่มีแรงดึงจาก Elastic อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บได้

4.ควรมารับการรักษาตามนัดสม่ำเสมอ การผิดนัด ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตารางเวลาในการจัดฟัน และระยะเวลาในการจัดฟันก็นานขึ้นด้วย

5.เนื่องจากขนาดและรูปร่างของฟัน มีความแตกต่างกันอย่างมาก บางครั้งเพื่อให้ได้ผลในการจัดฟันที่ดี (เช่น การปิดช่องว่างระหว่างฟันทันตแพทย์จำเป็นต้องใช้การบูรณะฟันเข้าช่วย ซึ่งส่วนใหญ่มักได้แก่ การอุดฟัน การทำครอบฟันหรือสะพานฟัน และการรับรักษาทางศัลย์ปริทันต์ ผู้ป่วยสามารถสอบถามรายละเอียดได้จากทันตแพทย์ผู้ให้การรักษาดังกล่าว

6.ระยะเวลาทั้งหมดที่ต้องใช้ในการจัดฟันนั้น อาจไม่สามารถกำหนดได้แน่นอน การมีการเจริญเติบโตของกระดูกที่น้อยหรือมากกว่าปกติ ในรายที่มีความซับซ้อน อาจะต้องอาศัยการรักษาอื่นร่วมด้วย

7.การมีโรคประจำตัวบางอย่างอาจมีผลต่อการจัดฟัน ควรแจ้งทันตแพทย์ทราบในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพเกิดขึ้น

8.เพื่อให้การรักษาบังเกิดผลที่ดีที่สุด ในการตรวจเพื่อวินิจฉัย จำเป็นต้องมีข้อมูล

ประวัติทางการแพทย์ และ ทันตกรรม

บันทึกสภาพการสบฟัน โดยการพิมพ์ปาก เพื่อทำแบบฟันสำหรับตรวจสอบรายละเอียดของขนาดของขากรรไกร จำนวนตำแหน่งของฟันและลักษณะการสบฟัน

ภาพถ่ายรังสีใบหน้าและศีรษะตลอดจนฟันทั้งปาก

ภาพถ่ายใบหน้าและฟัน

ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับจากการรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน

1.ช่วยให้ทำความสะอาดฟันได้ง่ายขึ้น ในกรณีคนที่มีฟันเกได้รับการตรวจ วินิจฉัยและแก้ไขได้ถูกต้อง ก็จะช่วยให้ทำความสะอาดฟันได้ง่ายและทั่วถึงขึ้น การสูญเสียฟันก่อนกำหนดเนื่องจากฟันเก ก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งในปัจจุบัน การจัดฟันก็ถือว่าเป็นทันตกรรม ป้องกันได้อย่างหนึ่ง

2.ช่วยลดอัตราการเกิดฟันผุ และเหงือกอักเสบ การจัดฟันทำให้ฟันเรียงตัวเป็นระเบียบ ช่วยให้การทำความสะอาดฟันอย่างทั่วถึงเป็นไปได้ง่ายขึ้นและช่วยให้อัตราการเกิดฟันผุและเหงือกอักเสบลดลง

3.ช่วยลดการมีกลิ่นปาก ฟันที่เรียงตัวเป็นระเบียบ ทำให้แปรงฟันได้สะอาดเพียงพอ จะลดสาเหตุของการเกิดกลิ่นปากไม่ให้เกิดความกังวลและช่วยให้มีความมั่นใจในตัวเอง

4.ช่วยให้มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้นในปัจจุบันการจัดฟัน จึงเข้ามามีบทบาทที่ช่วยเสริมบุคลิกและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

5.ช่วยให้มีระบบการเคี้ยวที่ดีขึ้น การมีฟันซ้อนเกหรือ ขึ้นผิดตำแหน่งทำให้ระบบการบดเคี้ยวมีปัญหา การจัดฟัน

สามารถช่วยให้มีระบบการบดเคี้ยวที่ดีขึ้น(เคี้ยวอาหารได้ละเอียดขึ้น)

6.ช่วยให้มีการออกเสียงพูดได้ถูกต้องและชัดเจนซึ่งการจัดฟันสามารถช่วยแก้ปัญหาการออกเสียงให้ผู้ที่มีฟันหน้าห่างหรือฟันหน้าบนและล่างสบกันได้    

7.โรคปวดบริเวณข้อต่อกรรไกร ลักษณะการสบฟันที่ปกตินั้นถ้าได้รับการแก้ไขอย่างถูกวิธีก็จะสามารถ ป้องกันอาการผิดปกติ ของข้อต่อขากรรไกรได้

8.ช่วยหลีกเลี่ยงการใส่ฟันปลอม ในบางกรณี จะสามารถช่วยให้ไม่ต้องใส่ฟันปลอมหรือใส่ฟันจำนวนซี่น้อยลงได้ เช่น การจัดฟันโดยการเคลื่อนที่ฟันกรามแท้ ซี่ที่สองมาแทนที่ฟันซี่แรก ที่ถูกถอนออกไปได้ โดยไม่ต้องใส่ฟันปลอม
9.
ช่วยการขึ้นของฟันที่ไม่สามารถขึ้นได้เองตามธรรมชาติ โดยการจัดฟันให้มีเนื้อที่เพียงพอสำหรับฟันแท้ขึ้นเองตามธรรมชาติ กรณีฟันน้ำนมถูกถอนออกก่อนกำหนด

ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จของการรักษา

  1. ความร่วมมือของผู้ป่วย มีผลอย่างยิ่งต่อผลสำเร็จ มีผลอย่างยิ่งต่อผลสำเร็จของการจัดฟัน โดยเฉพาะในรายที่มีความยุ่งยากซับซ้อน หากผู้ป่วยไม่ให้ความร่วมมือที่ดีพอจะมีผลให้ระยะเวลาการรักษานานขึ้น และมีผลต่อผลการรักษาที่จะได้รับ
  2. การดูแลเครื่องมือจัดฟัน หากแปรงฟันไม่สะอาดพอ จะเกิดฟันผุในระหว่างที่ใส่เครื่องมือจัดฟัน ดังนั้น ควรดูแลความสะอาดในช่องปากให้ดี ลดการรับประทานอาหารหวานและเหนียว เมื่อสังเกตเห็นว่าเครื่องมือหลวมให้รีบมาพบทันตแพทย์จัดฟันทันที
  3. ในกรณีที่ต้องใส่ Headgear & elastic ช่วงเวลาที่ใส่เครื่องมือเหล่านี้มีผลอย่างยิ่งต่อผลการรักษา การใส่เครื่องมือต้องทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หาก Head gear หลุดออกจาก Tube หรือ Archwire hook ขณะที่มีแรงดึงจาก Elastic อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บได้
  4. ควรมารับการรักษาตามนัดสม่ำเสมอ การผิดนัด ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงตารางเวลาในการจัดฟัน และระยะเวลาในการจัดฟันก็นานขึ้นด้วย
  5. เนื่องจากขนาดและรูปร่างของฟัน มีความแตกต่างกันอย่างมาก บางครั้งเพื่อให้ได้ผลในการจัดฟันที่ดี (เช่น การปิดช่องว่างระหว่างฟันทันตแพทย์จำเป็นต้องใช้การบูรณะฟันเข้าช่วย ซึ่งส่วนใหญ่มักได้แก่ การอุดฟัน การทำครอบฟันหรือสะพานฟัน และการรับรักษาทางศัลย์ปริทันต์ ผู้ป่วยสามารถสอบถามรายละเอียดได้จากทันตแพทย์ผู้ให้การรักษาดังกล่าว
  6. ระยะเวลาทั้งหมดที่ต้องใช้ในการจัดฟันนั้น อาจไม่สามารถกำหนดได้แน่นอน การมีการเจริญเติบโตของกระดูกที่น้อยหรือมากกว่าปกติ ในรายที่มีความซับซ้อน อาจะต้องอาศัยการรักษาอื่นร่วมด้วย
  7. การมีโรคประจำตัวบางอย่างอาจมีผลต่อการจัดฟัน ควรแจ้งทันตแพทย์ทราบในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพเกิดขึ้น
  8. เพื่อให้การรักษาบังเกิดผลที่ดีที่สุด ในการตรวจเพื่อวินิจฉัย จำเป็นต้องมีข้อมูล

             –ประวัติทางการแพทย์ และ ทันตกรรม

             –บันทึกสภาพการสบฟัน โดยการพิมพ์ปาก เพื่อทำแบบฟันสำหรับตรวจสอบรายละเอียดของขนาดของขากรรไกร จำนวนตำแหน่งของฟันและลักษณะการสบฟัน

             –ภาพถ่ายรังสีใบหน้าและศีรษะตลอดจนฟันทั้งปาก

             –ภาพถ่ายใบหน้าและฟัน

ทันตแพทย์จัดฟัน

ทพญ. นวรัตน์ วรวงศากุล

ทันตกรรมด้านการจัดฟัน

2005 – 2011 2nd Class Honors in Doctor of Dental Surgery (D.D.S.),Faculty of Dentistry, Chulalongkorn University

2014 – 2015 Research Fellow in orthodontics, Prince of Songkla University

2015 – 2017 Master of Science in Orthodontics (MSc.), Prince of Songkla University

2014 – 2018 Residency Training Program in Orthodontics, Prince of Songkla University

CONTACT US

ติดต่อสอบถาม